วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การบูรณาการสาร PSP จากเห็ดเกลียวเมฆของแพทย์แผนจีนในการสู้มะเร็งร้าย

เห็ดเกลียวเมฆ หรือเห็ดอวิ๋นจือ







ในปัจจุบัน เมื่อมะเร็งกลายเป็นปัญหาหลักในวงการสาธารณสุขทั้งไทยและเทศ จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขไทย พบว่า มะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของไทยต่อเนื่องกันมาหลายสิบปี ในปี พ.ศ. 2554 มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งถึง 61,082 ราย หรือเฉลี่ยนาทีละเกือบ 7 ราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปี เช่นเดียวกับในประเทศจีนที่มะเร็งก็จัดเป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆของประเทศ อย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศจีนนั้น เป็นประเทศที่มีประวัติมายาวนาน โดยเฉพาะประวัติทางการแพทย์แผนจีนนั้นพบว่ามีมายาวนานกว่า 2,000 ปี โดยในระยะเวลาที่ยาวนานนั้นได้มีการค้นพบศาสตร์ต่างๆมากมาย ทั้งเรื่องของการฝังเข็ม ทุยนา และที่จะขาดไปไม่ได้คือเรื่องของสมุนไพรจีนซึ่งมีการค้นพบว่ามีประโยชน์ และใช้กันมายาวนานกว่า 1,000 ปี ไม่ว่าจะเป็นโสม ถั่งเช่า เห็ดหลินจือ เห็ดเกลียวเมฆ หรือเห็ดอวิ๋นจือ เป็นต้น

โดยในปัจจุบันเพื่อให้สมุนไพรจีนนั้นได้รับการยอมรับและเชื่อถือจากนานาประเทศ ทางการจีนจึงได้มีการคัดเลือกสมุนไพรที่มีประโยชน์เพื่อให้เงินทุนสนับสนุนในการวิจัย และพัฒนาเป็นอย่างมาก เพื่อมุ่งพัฒนาศักยภาพของสมุนไพรจีนให้สามารถใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นปัญหาอันดับต้นๆของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงนี้เองที่ทำให้สมุนไพรจีนต่างๆ โดยเฉพาะเห็ดเกลียวเมฆ หรือเห็ดอวิ๋นจือเข้ามามีบทบาทสำคัญในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งในประเทศจีน โดยมีผลวิจัยทางคลีนิกรองรับ และเป็นที่น่าเชื่อถือในระดับนานาชาติ 

สาร PSP คือสารสกัดจากไมซีเลี่ยมชั้นในสุดของเห็ดเกลียวเมฆหรือเห็ดอวิ๋นจือสายพันธ์ COV-1 ถูกค้นพบโดยศาสตราจารย์ คิว วาย หยาง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัยด้านจุลชีววิทยาและภูมิคุ้มกันของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ในปี พ.ศ. 2530 ในการวิจัยดังกล่าว นอกจากจะค้นพบสาร PSP แล้ว ยังพบว่า สาร PSP มีคุณสมบัติในการช่วยปรับสมดุลภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดีขึ้น นอกจากการวิจัยข้างต้นนี้ ยังได้มีการนำสารสกัด PSP ไปศึกษาวิจัยเพิ่มเติมโดยผู้เชียวชาญ ในหลายสาขาอาชีพ ทั้งแพทย์ เภสัชกร นักวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคมะเร็งในหลายประเทศ ทำให้มีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับและตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการอย่างแพร่หลาย ซึ่งนอกจากการทดลองในสัตว์ทดลองแล้ว ยังมีผลการศึกษาทดลองในคนโดยมีกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ ในปี 2534 จำนวน 485 ราย และในปี 2540 จำนวน 650 ราย และทำการศึกษาทางคลินิกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี จากหลายสถาบัน แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติในการช่วยลดผลข้างเคียงของผู้ป่วยมะเร็งอันเกิดจากการให้เคมีบำบัดและการฉายรังสีรักษา และยังเป็นความหวังใหม่ในการต่อสู้กับมะเร็ง เพราะมีการศึกษาที่พบว่าสาร PSP อาจทำให้เซลล์มะเร็งเล็กลง จนถึงยับยั้งการลุกลามของเซลล์มะเร็งได้

แพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือกร่วมฟังบรรยายอย่างสนใจ






จากงานประชุมวิชาการเรื่องการบูรณาการของการแพทย์แผนจีนด้วย PSP ควบคู่กับการรักษาด้วยเคมีบำบัดและรังสีรักษานั้นพบว่า แพทย์แผนปัจจุบันส่วนใหญ่ ใช้วิธีการรักษามะเร็งด้วยศาสตร์การแพทย์แผนตะวันตก ซึ่งจะรักษาด้วยการผ่าตัด เคมีบำบัด และรังสีรักษา หรืออาจจะใช้ทั้งสามวิธีร่วมกัน โดยมีเป้าหมายคือกำจัดออกไปจากร่างกาย เพราะมะเร็งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ สามารถแพร่กระจายกลายพันธุ์ได้ แต่ศาสตร์การแพทย์แผนจีนจะใช้การรักษาด้วยการบำบัด และรักษาให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยไม่คำนึงถึงว่ามะเร็งจะอยู่ในร่างกายหรือไม่ คือมุ่งเน้นให้ผู้ป่วยมีสมดุลของร่างกาย เรียกว่าปรับสมดุลของหยิน – หยาง เพิ่มพลังซี่ในร่างกาย บำรุงเลือดให้ไหลเวียนดีขึ้น โดยควบคุมการขยายตัวของก้อนเนื้อร้าย และเสริมสุขภาพทั่วไปให้ดีขึ้น ตลอดจนเพิ่มภูมิคุ้มกันด้วยการใช้สมุนไพรหลายชนิด

เรื่องราวดังกล่าวถูกเปิดเผยในงานประชุมทางวิชาการเรื่อง “การบูรณาการระหว่างสารสกัด PSP จากเห็ดเกลียวเมฆ (เห็ดอวิ๋นจือ) ร่วมกับการรักษาด้วยเคมีบำบัด และรังสีรักษาในผู้ป่วยมะเร็ง” จัดโดย กลุ่มบริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด ร่วมกับ อินทิเกรทเต็ด ไชนีส เมทดิซิน จำกัด (ไอซีเอ็ม) ซึ่งในงานดังกล่าวมีบุคลากรทางการแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญมาร่วมให้ความรู้ด้วยกันหลายท่าน


แองเจล่า คอลลิงวูด




ท่านแรกคือ คุณแองเจล่า คอลลิงวูด ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท Integrated Chinese Medicine Holdings ประเทศฮ่องกง ได้มีการกล่าวถึงความพิเศษของสารสกัด PSP อย่างน่าสนใจว่า สาร PSP หรือสารโพลีแซคคาไรเปบไทด์จากเห็ดเกลียวเมฆนั้นมาจากสายพันธุ์ที่ดีที่สุด คือ สายพันธุ์ COV-1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์พิเศษที่มีการแยกออกมาจากที่มีอยู่ทั้งหมดมากกว่า 80 สายพันธุ์ และพัฒนาวิธีสกัดสารด้วยเทคนิคเฉพาะ จนได้สารสำคัญชนิดใหม่ที่มีชื่อว่า PSP ซึ่งได้มีการวิจัยพบว่ามีคุณสมบัติในการช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้ดีขึ้น และเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายพ่ายแพ้ต่อเซลล์ร้ายในร่างกาย เช่น มะเร็ง หรือโรคติดเชื้ออื่นๆ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้แพร่หลายในกลุ่มคนที่ต้องการเพิ่มเกราะคุ้มกันสุขภาพทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, เกาหลี, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์, มาเลเซีย,นิวซีแลนด์ รวมทั้งในประเทศไทย

“สาร PSP นอกจากจะช่วยในการบำรุงสุขภาพ ยังสามารถใช้ร่วมกับยารักษามะเร็งแผนปัจจุบัน ตลอดจนรังสีรักษาตามแบบแผนปัจจุบันได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรกิริยาใดๆ ระหว่างกัน ทำให้ช่วยลดอาการแทรกซ้อนต่างๆ จากการรักษาด้วยยาคีโม เช่น คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร น้ำหนักลด และนอนไม่หลับ ให้ลดน้อยลง จึงส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น” คุณแองเจล่ากล่าว 

ศ ดร.โจเซฟ วู



ด้านศาสตราจารย์ ดร.โจเซฟ วู นักวิจัยจากภาควิชาชีวเคมีและชีวโมเลกุล แห่งสถาบันนิวยอร์ค เมดิคัล คอลเลจ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “โดยปกติการรักษาโรคมะเร็งในแพทย์แผนปัจจุบันหรือแพทย์ทางเลือกอื่นๆ ยังไม่มียาตัวไหนที่ต้านมะเร็งได้ 100% ดังนั้น จึงมีการวิจัยและพัฒนาสารใหม่ๆ ออกมามากมาย เพราะมุ่งหวังว่าจะสามารถช่วยให้คนไข้มะเร็งมีโอกาสหายขาดและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งสารสกัด PSP นั้นจัดว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่านอกจากจะช่วยลดผลข้างเคียงจากการรักษาในแผนปัจจุบันของผู้ป่วยโรคมะเร็งแล้ว ยังอาจช่วยให้เซลล์มะเร็งมีขนาดเล็กลง ลดจำนวนลง และลดความเสี่ยงในการเป็นซ้ำหรือเกิดการแพร่กระจายของมะเร็งได้ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตโดยเฉพาะในมะเร็งเต้านม มะเร็งกระเพาะ มะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหารรวมไปถึงมะเร็งเม็ดเลือดขาว” 


ศ ดร. ลี ฟู หมิน  

ส่วนศาสตราจารย์ ดร. ลี ฟู หมิน ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านภูมิคุ้มกันวิทยา และเนื้องอก (Immunology & Oucology) จากสถาบัน IAG Health Sciences Medical Center ประเทศสิงคโปร์ ผู้มีประสบการณ์ในการใช้สาร PSP มายาวนานกว่า 10 ปี ได้เล่าถึงกรณีศึกษาของการรักษามะเร็งเต้านม โดยการแพทย์แผนใหม่ควบคู่ไปกับการใช้สาร PSP ว่า “มีคนไข้ชื่อนางฉิน ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมด้านซ้าย ได้รักษาจนก้อนมะเร็งนั้นหายไป แต่ผ่านไป 6 ปี จึงพบว่ามะเร็งลุกลามไปที่ปอดด้านซ้าย และคนไข้สูงอายุมากจนไม่สามารถผ่าตัดได้อีก แพทย์จึงให้การรักษาโดยเคมีบำบัดและฉายรังสี พร้อมกับการให้สารสกัด “PSP” เพิ่มเติม เมื่อผ่านไป 3 เดือนพบว่าไม่เกิดผลข้างเคียงจากการรับเคมีบำบัด และเมื่อผ่านไป 10 เดือนพบว่าก้อนมะเร็งนั้นมีขนาดเล็กลง และร่างกายคนไข้พร้อมเข้ารับการผ่าตัด แพทย์ผู้รักษาจึงตัดสินใจผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออก หลังจากนั้น 6 ปีคนไข้ยังมีชีวิตอยู่เป็นปกติ”




โดย ศาสตราจารย์ ดร. ลี ฟู หมิน ยังได้ให้ข้อมูลการศึกษาเรื่องการบูรณาการของการแพทย์แผนจีนด้วยสารสกัด PSP ควบคู่กับการรักษาด้วยเคมีบำบัดและรังสีรักษานั้นด้วยว่า แพทย์แผนปัจจุบันส่วนใหญ่ ใช้วิธีการรักษามะเร็งด้วยศาสตร์การแพทย์แผนตะวันตก ซึ่งจะรักษาด้วยการผ่าตัด เคมีบำบัด และรังสีรักษา หรืออาจจะใช้ทั้งสามวิธีร่วมกัน โดยมีเป้าหมายคือกำจัดเซลล์มะเร็งออกไปจากร่างกาย เพราะมะเร็งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ สามารถแพร่กระจายกลายพันธุ์ได้ แต่ศาสตร์การแพทย์แผนจีนจะใช้การรักษาด้วยการบำบัด และรักษาให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยไม่คำนึงว่ามะเร็งจะอยู่ในร่างกายหรือไม่ คือมุ่งเน้นให้ผู้ป่วยมีสมดุลของร่างกาย เรียกว่าปรับสมดุลของหยิน – หยาง เพิ่มพลังซี่ในร่างกาย บำรุงเลือดให้ไหลเวียนดีขึ้น โดยควบคุมการขยายตัวของก้อนเนื้อร้าย และเสริมสุขภาพทั่วไปให้ดีขึ้น ตลอดจนเพิ่มภูมิคุ้มกันด้วยการใช้สารสกัดจากสมุนไพรหลายชนิด เช่น สารสกัด PSP เป็นต้น

 “ในทางการแพทย์แผนจีน การนำสารสกัดจากเห็ดเกลียวเมฆ มาใช้ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง แพทย์จะตรวจสุขภาพของผู้ป่วย และวินิจฉัยว่าผู้ป่วยอยู่ในภาวะใด ต้องใช้ปริมาณสาร PSP ในปริมาณเท่าใด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการและสุขภาพของผู้ป่วย แต่การใช้ PSP กับผู้ป่วยมะเร็งอาจจะต้องใช้ระยะเวลาต่อเนื่องอย่างน้อย 9 เดือน ถึงปีครึ่ง เพื่อป้องกันการกลับมาของเซลล์มะเร็งหลังจากที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือรังสีรักษาแล้ว” ศาสตราจารย์ ดร. ลี ฟู หมินกล่าว

 *****************************************

 หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bd-healthcare.com

ไม่มีความคิดเห็น: